• ที่นอนอันเป็นทิพย์ - เวนาคปุรสูตร, เวขณสสูตร, เอสุการีสูตร [6827-4s]
    Jul 2 2025

    สูตร#1 เวนาคปุรสูตร ทรงแสดงแก่พราหมณ์และคหบดีชาวเวนาคปุระ แคว้นโกศล ทรงปรารภคำกราบทูลของพราหมณ์วัจฉโคตรที่กล่าวสรรเสริญถึงอินทรีย์ที่ผ่องใส พระฉวีวรรณที่บริสุทธิ์ผุดผ่องของพระองค์เช่นนั้น การจะได้ที่นอนสูงใหญ่ คือเตียงมีเท้าเกินประมาณ ฯลฯ เครื่องลาดมีหมอนข้างตามความปรารถนาได้โดยไม่ยากไม่ลำบากแน่นอน แต่ทรงตรัสว่า ที่นอนสูงใหญ่ ฯลฯ บรรพชิตหาได้ยาก และถ้าได้มาก็ไม่สมควร แต่มีที่นอนสูง ที่นอนใหญ่ 3 อย่าง ที่ทรงได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบาก คือที่นอน ฯลฯ ที่เป็นทิพย์ จากการได้ฌาณทั้ง 4, ที่นอน ฯลฯ ที่เป็นของพรหม จากการเจริญพรหมวิหาร, ที่นอน ฯลฯ ที่เป็นของพระอริยะ จากการที่ละกิเลสได้เด็ดขาด เมื่อจบธรรมเทศนา พราหมณ์วัจฉโคตรทูลสรรเสริญและแสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต


    สูตร#2 เวขณสสูตร ทรงแสดงแก่ปริพาชกชื่อเวขณสะ ขณะประทับอยู่เชตวนาราม ได้เข้าไปเฝ้าทูลเรื่อง “วรรณะอันยอดเยี่ยม” แต่ชี้ชัดลงไปไม่ได้ว่าวรรณะไหน เปรียบเหมือนชายคนหนึ่งปรารภถึงหญิงสาวอย่างนี้ว่า ‘เราปรารถนารักใคร่หญิงงามแห่งชนบทนี้’ แต่เมื่อถูกถามในรายละเอียดของหญิงนั้น กลับตอบว่าไม่รู้จัก และได้ทรงเปรียบเทียบวรรณะเป็นคู่ให้เห็นว่ามีสิ่งที่เลิศกว่ากันเป็นชั้น ๆ และตรัสอธิบายเรื่องของกามในสุขที่ลึกซึ้งขึ้นไปคือสมาธิ และความงดงามลึกซึ้งถึงขั้นไม่มีอวิชชา เมื่อจบธรรมเทศนา เวขณสปริพพาชกทูลสรรเสริญแสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต


    สูตร #3 เอสุการีสูตร ว่าด้วยเรื่องของวรรณะ

    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show More Show Less
    59 mins
  • ผู้ใหญ่บ้านชื่อ อสิพันธกบุตร - กุลสูตร, สังขธมสูตร, เขตตูปมสูตร, อสิพันธกปุตตสูตร [6826-4s]
    Jun 25 2025
    สูตร#1 กุลสูตร พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปาวาริกัมพวัน เขตเมืองนาฬันทา ผู้ใหญ่บ้านชื่ออสิพันธกบุตร ได้รับคำแนะนำจากนิครนถ์นาฎบุตรให้มาโต้วาทะกับพระผู้มีพระภาคเรื่องเหตุที่ทำให้ตระกูลคับแค้น โดยยกเหตุการณ์ที่พระองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จเที่ยวบิณฑบาตจากชาวบ้านผู้ประสบภัยข้าวยากหมากแพงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในเมืองนาฬันทาขณะนั้นมาเป็นเงื่อนไข พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงเหตุปัจจัยให้ตระกูลคับแค้น 8 ประการ คือ (1) จากพระราชา (2) จากโจร (3) จากไฟ (4) จากน้ำ (5) จากทรัพย์ที่มีได้เคลื่อนที่ไป (6) จากการงานที่ไม่ดี (7) จากทรัพย์ในตระกูลที่กลายเป็นถ่านเพลิง (8) จากการใช้จ่ายทรัพย์อย่างสุรุ่ย สุร่ายฟุ่มเฟือย ไม่ใช่เพราะการบิณฑบาตของพระองค์ ทรงแสดงว่า การให้ ความมีสัจจะ ความสำรวมเป็นหตุให้ตระกูลมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินทองมากสูตร#2 สังขธมสูตร ณ ปาวาริกัมพวัน พระผู้มีพระภาคตรัสถามผู้ใหญ่บ้านชื่ออสิพันธกบุตรว่า นิครนภ์นาฏบุตรแสดงธรรมแก่สาวกอย่างไร เขาทูลตอบว่า ผู้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม และผู้พูดเท็จ ทั้งหมดต้องไปสู่อบาย ตกนรก กรรมมีมากกรรมนั้น ๆ นำบุคคลไป ทรงแย้งว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็แสดงว่าไม่มีไปเกิดในอบาย ในนรกเลย เพราะการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ต้องทำในเวลาขณะตื่น ขณะนอนหลับทำไม่ได้ ทรงถามว่า เวลาทำกรรมกับเวลาไม่ทำกรรมของคนคนหนึ่ง เวลาไหนมีมากกว่ากัน เมื่อผู้ใหญ่บ้านทูลตอบว่า เวลาไม่ทำกรรมมีมากกว่า จึงทรงสรุปว่าไม่มีกรรมใดที่จะถือว่า "มีมาก" เมื่อไม่มีกรรมมาก ก็ไม่มีกรรมที่นำบุคคลไปสู่อบาย นรก ความเห็นของนิครนถ์ นาฏบุตร จึงเป็นความเห็นผิด แล้วทรงสอนธรรมตามที่ได้ตรัสรู้โดยชอบ จะละบาปกรรมและก้าวล่วงบาปกรรมนั้นได้ และทรงสรุปว่า เมื่อปฏิบัติธรรมได้ผลสมควรแก่กรรมแล้ว ให้แผ่เมตตาจิต กรุณาจิต มุทิตาจิต และอุเบกขาจิตไปในทิศทั้งหลายเหมือนคนมีกำลังเป่าสังข์ให้ได้ยินโดยทั่วกันสูตร#3 เขตตูปมสูตร ณ ปาวาริกัมพวัน ผู้ใหญ่บ้านชื่ออสิพันธกบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค แล้วทูลถามว่า ...
    Show More Show Less
    55 mins
  • ปัญหาของโพธิราชกุมาร - โพธิราชกุมารสูตร [6825-4s]
    Jun 18 2025

    โพธิราชกุมารสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแก่โพธิราชกุมาร ขณะประทับอยู่ ณ เภสกฬาวัน ในงานสมโภชปราสาทชื่อ โกกนุท ที่มีลักษณะเหมือนดอกบัวลอยน้ำ แล้วทรงเล่าพระประวัติของพระองค์ตั้งแต่ตอนที่บำเพ็ญความเพียรจนถึงตรัสรู้ธรรม จนกระทั่งไปถึงการประกาศสอนศาสนา จนคนบรรลุตามได้ เป็นความน่าอัศจรรย์ ที่มีพระพุทธเจ้า มีคำสอนคือธรรม ที่ถ้าเมื่อใครปฏิบัติตามด้วยความเพียร 5 ประการ ก็จะทำให้แจ้งประโยชน์ยอดเยี่ยมอันเป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ได้ โดยใช้เวลาเพียง 7 ปี 7เดือน หรือแค่ 7 วัน 7คืน หรือสั่งสอนในเวลาเช้า บรรลุในเวลาเย็น สั่งสอนในเวลาเย็น บรรลุในเวลาเช้าได้ เมื่อฟังจบแล้วโพธิราชกุมารกล่าวว่า ตนเคยถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรม และพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะมาแล้วสองครั้ง คือตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และในวัยเด็ก และครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ขอประกาศตนเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show More Show Less
    58 mins
  • การสนทนาธรรมที่ทำให้เกิดปัญญา - จูฬเวทัลลสูตรและอนาถปิณฑิโกวาทสูตร [6824-4s]
    Jun 11 2025
    สูตร#1 จูฬเวทัลลสูตร ว่าด้วยการสนทนาธรรมที่ทำให้เกิดปัญญาสูตรเล็ก การสนทนาธรรมระหว่างภิกษุณีชื่อว่าธัมมทินนาและอุบาสกชื่อวิสาขะ ขณะพักอยู่ ณ พระเวฬุวัน เขตกรุงราชคฤห์วิสาขอุบาสกเข้าไปเยี่ยมธัมมทินนาภิกษุณีและเรียนถามปัญหาธรรม จำนวน 5 เรื่อง คือสักกายทิฏฐิ, มรรคมีองค์ 8 กับขันธ์3 , สมาธิและสังขาร , สัญญาเวทยิตนิโรธ และเวทนาธัมมทินนาภิกษุณีได้ตอบปัญหาต่าง ๆ อย่างชัดเจนเป็นที่พอใจแก่วิสาขอุบาสก และเมื่อวิสาขอุบาสกไปกราบทูลให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ ทรงตรัสว่าธรรมทินนาภิกษุณีเป็นบัณฑิต มีปัญญามาก ทรงตรัสรับรองที่ธรรมทินนาภิกษุณีตอบนั้นว่าถูกต้อง ถ้ามาทูลถามพระองค์ ก็จะตรัสตอบอย่างที่ธัมมทินนาภิกษุณีตอบนั้นเหมือนกัน สูตร#2 อนาถปิณฑิโกวาทสูตร ว่าด้วยการให้โอวาทแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐี พระสารีบุตรแสดงแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐี ผู้กำลังป่วยหนัก อยู่ที่บ้านในกรุงสาวัตถี ตามที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีอาราธนา เรื่อง อย่ายึดมั่นอายตนะภายใน 6 อายตนะภายนอก 6 วิญญาณ ผัสสะ เวทนา ธาตุ ขันธ์ อรูปฌาน โลกนี้ โลกหน้า และอารมณ์ที่รับรู้ทางอายตนะ 6 อนาถบิณฑิกเศรษฐีฟังธรรมแล้วได้ร้องไห้น้ำตาไหล เพราะได้รับใช้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์มานาน แต่ไม่เคยฟังธรรมบรรยายเช่นนี้มาก่อน พระสารีบุตรกล่าวว่าธรรมเหล่านี้แสดงแก่บรรพชิต ไม่แสดงแก่คฤหัสถ์ ท่านเศรษฐีจึงขอร้องให้แสดงแก่คฤหัสถ์ด้วย เมื่อพระสารีบุตรกลับไป อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ถึงแก่กรรมไปเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นอนาถบิณฑิกเทพบุตรและได้มาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ได้กราบทูลว่า พระวิหารเชตวันนี้มีประโยชน์เพราะได้เป็นที่พักอาศัยให้แก่สงฆ์ และมีพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ยังให้เกิดปีติแก่ตัวอนาถบิณฑิกเทพบุตร และกล่าวว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยธรรม 5 อย่างนี้ คือ การงาน วิชชา ธรรม ศีล ชีวิตอันสูงสุด ไม่ใช่ด้วยโคตรหรือด้วยทรัพย์ และอนาถบิณฑิกเทพบุตรได้กล่าวสรรเสริญพระสารีบุตรว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยปัญญา ด้วยศีล และด้วยความสงบ ภิกษุผู้ถึงความบริสุทธิ์แล้วจะดียิ่งก็ต้องเป็นเช่นพระสารีบุตร‘...
    Show More Show Less
    54 mins
  • พระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า-เสลสูตร และกินติสูตร [6823-4s]
    Jun 4 2025

    สูตร#1 เสลสูตร พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นอังคุตตราปะ พร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประมาณ 1,250รูป เสด็จถึงนิคมของชาวอังคุตตราปะชื่ออาปณะ ชฎิลชื่อเกณิยะได้ทราบข่าวว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมา จึงไปเข้าเฝ้าและนิมนต์เสวยภัตตาหาร ทรงรับนิมนต์ เมื่อเกณิยะกลับมาถึงเรือนได้ให้ญาติสาโลหิต ช่วยกันเตรียมสถานที่และอาหารเพื่อถวายในวันพรุ่งนี้ ขณะนั้นเสลพราหมณ์พร้อมด้วยบริวารเดินเที่ยวเล่นอยู่ ซึ่งเกณิยชฏิลมีความเลื่อมใสในเสลพราหมณ์อย่างมาก เลสพราหมณ์เห็นว่าที่บ้านเกณิยชฏิลมีการตระเตรียมงาน จึงเข้าไปทักทายสอบถาม ได้รับคำตอบว่า พรุ่งนี้จะถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าและภิกษุจำนวน 1,250 รูป และได้กล่าวสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าให้เลสพราหมณ์ฟัง เมื่อเสลพราหมณ์ได้ยินบทว่า“พุทธะ”เกิดความสนใจจึงได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค และได้เห็นลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการตามที่กล่าวไว้ในมนต์ของพวกพราหมณ์ ได้สอบถามธรรมได้ฟังธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใสขอบวชในวันนั้น พร้อมกับบริวาร ต่อมาท่านพระเสละพร้อมด้วยภิกษุผู้เป็นบริวารมีความเพียรฝึกฝนตนสำเร็จ ใช้เวลา 7วัน ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์


    สูตร#2 กินติสูตร ทรงแสดงแก่ภิกษุ ปรารภความคิดเห็นของภิกษุที่มีต่อพระองค์ และทรงอธิบายถึงวิธีการปฏิบัติที่เมื่อมีการขัดแย้งกันเกิดขึ้นในหมู่ภิกษุ ให้กำหนดเนื้อความให้ดี แล้วเข้าไปหาคนที่ว่าง่าย และทิฏฐิน้อยที่สุด ให้คิดว่าการลำบากจากการบอกเป็นเรื่องเล็กน้อย แล้วจึงบอกสอนชี้แจงอย่างมีเหตุผลโดยไม่ยกตนข่มผู้อื่น



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show More Show Less
    53 mins
  • ปัญญาพระสารีบุตรและพระมหาโกฏฐิตะ - มหาเวทัลลสูตร , นฬกลาปิยสูตร, สีลวันตสูตร, มหาโกฏฐิตสูตร [6822-4s]
    May 28 2025
    สูตร#1 มหาเวทัลลสูตร เป็นการสนทนาธรรมระหว่างท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิกะ(หรือมหาโกฏฐิตะ) ขณะพักอยู่ ณ พระเซตวัน อารามของอนาถบินฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ท่านมหาโกฏฐิตะออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็น ได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรเพื่อถามปัญหา เรื่องที่ท่านถามมี 6 เรื่อง คือ 1.เรื่องปัญญากับวิญญาณ 2. เรื่องเวทนาสัญญาและวิญญาณ 3. เรื่องประโยชน์แห่งปัญญาและเหตุเกิดสัมมาทิฏฐิ 4. เรื่องภพและฌาน 5.เรื่องอินทรีย์ ๕ 6. เรื่องปัจจัยเจโตวิมุตติ ซึ่งท่านมหาโกฏฐิตะกล่าวชื่นชมยินดีภาษิตของท่านพระสารีบุตรสูตร#2 นฬกลาปิยสูตร ท่านพระมหาโกฏฐิตะถามท่านพระสารีบุตรเกี่ยวกับองค์ปฏิจจสมุปบาททั้ง 12 และท่านพระสารีบุตรได้เปรียบเทียบระหว่างนามรูปกับวิญญาณให้ท่านพระมหาโกฏฐิตะฟังว่าเปรียบเหมือนไม้อ้อ 2 กำพิงกัน สามารถตั้งอยู่ได้เพราะอาศัยกันและกัน และไร่เรียงปฏิจจสมุปบาทไปตามลำดับทั้งสายเกิดและสายดับ และกล่าวต่อไปว่าถ้าภิกษุแสดงธรรมเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด เพื่อดับชราและมรณะ ชาติ ภพ ฯลฯ อวิชชา นี้รียกว่า “พระธรรรมกถึก” ถ้าภิกษุปฏิบัติเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด เพื่อดับอวิชชา นี้เรียกว่า “ผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม” ถ้าภิกษุเป็นผู้หลุดพ้น เพราะความเบื่อหน่าย คลายกำหนัดไม่ถือมั่นอวิชชา นี้เรียกว่า “ผู้บรรลุนิพพานในปัจจุบัน”สูตร#3 สีลวันตสูตร พระมหาโกฏฐิตะถามพระสารีบุตรว่า ภิกษุผู้มีศีล ผู้เป็นโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี หรืออรหันต์ ควรกระทำธรรมเหล่าไหนไว้ในใจโดยแยบคาย ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ภิกษุผู้มีศีล ผู้เป็นโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี หรือแม้อรหันต์ ควรกระทำอุปาทานขันธ์ 5 ไว้ในใจโดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค ดังฝี ดังลูกศร เป็นความคับแค้น เป็นอาพาธ เป็นของแปรปรวน เป็นของทรุดโทรม เป็นของสูญ เป็นของไม่ใช่ตัวตน เมื่อกระทำธรรมเหล่านี้ไว้ในใจโดยแยบคาย ดังนี้แล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตผล และภิกษุผู้เป็นอรหันต์ ผู้ไม่มีกิจที่จะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไป ...
    Show More Show Less
    58 mins
  • มารผู้ใจบาป - พรหมนิมันตนิกสูตร และ มารตัชชนียสูตร [6821-4s]
    May 21 2025

    สูตร#1 พรหมนิมันตนิกสูตร ทรงตรัสเล่าให้ภิกษุทั้งหลายฟัง ณ พระเชตวัน ทรงปรารภทิฏฐิชั่วของท้าวพกพรหม ทรงทราบด้วยพระทัยว่า ท้าวพกพรหมมีทิฏฐิชั่ว กล่าวสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง สิ่งที่ไม่ยั่งยืนว่ายั่งยืน เป็นต้น จึงทรงเสด็จขึ้นไปยังพรหมโลก และได้โต้วาทะกัน ขณะนั้น มารใจบาปได้เข้าสิงในพรหมปาริสัชชะองค์หนึ่งให้กล่าวห้ามมิให้พระองค์ว่ากล่าวท้าวพกพรหม พร้อมทั้งขู่สำทับ แต่ทรงรู้ทันว่าเป็นมาร พรหมและพรหมบริษัททั้งปวงตกอยู่ในอำนาจของมารแต่พระองค์มิได้อยู่ในอำนาจนั้น ได้ทรงสำแดงพุทธานุภาพไม่ให้พกพรหมหายตัวได้ แต่ทรงแสดงหายตัวให้ดู และมารได้เข้าสิงพรหมอีกองค์หนึ่งเพื่อห้ามไม่ให้พระองค์ทรงสอนธรรมแก่สาวก และขู่สำทับแต่ทรงตรัสว่า ทรงรู้จักมารดี พระองค์จะสอนหรือไม่สอนก็ไม่ทำให้พระองค์ดีขึ้นหรือเลวลงเพราะทรงตัดอาสวะได้ขาดแล้ว ตัดรากถอนโคนเหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้วเหลือแต่พื้นที่ ทำให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้


    สูตร#2 มารตัชชนียสูตร พระมหาโมคคัลลานะแสดงแก่มารที่เข้าสิงในท้องท่าน ขณะเดินจงกรม ณ เภสกฬาวัน สมัยนั้นพระมหาโมคคัลลานะจงกรมอยู่ ถูกมารเข้าไปในท้องในไส้ รู้สึกเหมือนมีของหนักอยู่ในท้อง จึงหยุดจงกรม กลับไปยังวิหาร นั่งพิจารณาแล้ว ทราบว่า มารใจบาปเข้าไปสิงอยู่ จึงเรียกให้มารออกมา เมื่อมารนั้นออกมาท่านจึงเทศน์สอน ได้ลำดับญาติระหว่างท่านกับมารตนนี้ให้ฟังว่า มารนี้เป็นลูกของน้องสาวและเล่าอดีตของท่านที่เคยเกิดเป็นทูสีมารได้เคยทำร้ายพระอริยสาวกต้องไปตกนรกถูกหลาวแทงหลายพันปี หลายหมื่นปี ท่านขอให้มารนั้นอย่าทำร้ายพระอริยสาวกเพราะจะส่งผลให้ไปตกนรกเหมือนที่ท่านได้รับมาแล้ว มารนั้นรู้สึกเสียใจ แล้วหายตัวไป

    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Show More Show Less
    58 mins
  • มูลเหตุที่ทรงห้ามฉันในเวลาวิกาล - ลฑุกิโกปมสูตร และ จาตุมสูตร [6820-4s]
    May 14 2025
    สูตร#1 ลฑุกิโกปมสูตร ทรงแสดงแก่ท่านพระอุทายี ขณะประทับอยู่ในอาปณนิคมของชาวอังคุตราปะ โดยท่านพระอุทายีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคและกราบทูลว่า เมื่อก่อนท่านฉันทั้งในวลาเย็น เวลาเช้า เวลาหลังเที่ยง ต่อมา ทรงรับสั่งให้เลิกฉันในเวลาเย็นและเวลาหลังเที่ยง ท่านน้อยใจ เสียใจ แต่ก็ยังปฏิบัติตามเพราะความรัก ความเคารพ ความละอายและความยำเกรงในพระผู้มีพระกาค ต่อมาได้เห็นโทษในการฉันเวลาเย็นและวลาหลังเที่ยงด้วยตนเอง จึงได้รู้ว่า ทรงกำจัดธรรมอันเป็นหตุแห่งทุกข์ ทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งสุขเป็นอันมากมาให้ ทรงกำจัดอกุศลธรรม ทรงนำกุกุศลธรรมมาให้ แล้วทรงตรัสว่า ที่เป็นเช่นนั้น เพราะในธรรมวินัยนี้ มีบุคคลหลายจำพวกที่คิดว่า พระวินัยบัญบัญญัติของพระองค์เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญอะไร ซึ่งความจริงไม่ใช่เรื่องล็กน้อย แล้วทรงแสดงบุคคล 4 จำพวกเปรียบเทียบกับอุปมา 4 ข้อ ทรงชี้ให้เห็นประโยชน์ของการปฏิบัติตามคำสอนและโทษที่ไม่ปฏิบัติตาม คือผู้มีความยำเกรงในพระองค์ แต่ไม่ยอมแก้ไขความผิดที่มีอยู่ ย่อมไม่พ้นจากความผิดนั้น ส่วนผู้ไม่มีความยำเกรงในพระองค์แต่ยอมสละความผิดเสีย ย่อมพ้นผิดได้สูตร#2 จาตุมสูตร ทรงแสดงแก่ภิกษุประมาณ 500 รูป ณ อามลกีวัน หมู่บ้านจาตุมาซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวศากยะ แคว้นสักกะ โดยทรงประสงค์ให้รู้มารยาทในการอยู่ร่วมกันและรู้จักระวังภัยของผู้บวชใหม่ สมัยนั้น ภิกษุประมาณ 500 รูป ซึ่งติดตามท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโมคคัลลานะมาเข้าเฝ้าพระองค์ ภิกษุเหล่านั้นสนทนากับภิกษุเจ้าถิ่นส่งเสียงดังอื้ออึง จึงทรงตรัสเรียกมาและขับไล่ภิกษุเหล่านั้นไป แต่พวกเจ้าศากยะชาวบ้านจาตุมา และท้าวสหัมบดีพรหมทราบเรื่อง จึงเข้าเฝ้ากราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงอนุเคราะห์ภิกษุเหล่านั้น เพราะบางรูปเป็นภิกษุใหม่ เมื่อไม่ได้เข้าเฝ้าก็จะแปรผันไป เหมือนพืชอ่อนขาดน้ำ หรือเหมือนลูกโคอ่อนไม่เห็นแม่ เมื่อทรงสดับอุปมาที่ชาวบ้านจาตุมาและท้าวสหัมบดีพรหมกราบทูลก็ทรงพอพระทัย ท่านพระมหาโมคคัลลานะจึงพาภิกษุทั้งหลายเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ...
    Show More Show Less
    1 hr and 5 mins